Cleanroom คลีนรูม - หรือ บางคนเรียกว่า ห้องปราศจากเชื้อ นับเป็นห้องปฏิบัติการซึ่งมีหัวใจสำคัญที่ “ความสะอาด” เป็นจุดศูนย์กลาง และเพื่อให้คงประสิทธิภาพสูงสุดไว้ตลอดเวลา จำเป็นต้องมีการทดสอบ Cleanroom Testing ทำต่อเนื่อง ควบคู่กันไปด้วย สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการทดสอบคลีนรูม มีอยู่หลายสถานการณ์ ตามที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน
หลายคนรู้ “คลีนรูม มาตรฐาน” จำเป็นต้องผ่านการทดสอบ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของ NEBB แต่ประเด็นต่อมา ก็คือ Cleanroom ควรทดสอบเมื่อไหร่ ? / และมีวิธีการอย่างไรบ้าง ?
บทความนี้ VOV ผู้เชี่ยวชาญในเรื่อง Cleanroom ครบวงจร มีคำตอบมาให้กับทุกคน
การทดสอบ Cleanroom มีห้วงระยะเวลาที่เหมาะสม 2 ช่วง คือ ทดสอบหลังส่งมอบโครงการ และ ทดสอบประจำปี ซึ่งการทดสอบแต่ละแบบ มีรายละเอียดปลีกย่อยต่างกัน ดังนี้
เริ่มจาก “การทดสอบห้อง Cleanroom หลังส่งมอบโครงการ” นับเป็นการทดสอบครั้งแรก หลังเสร็จสิ้นจากขั้นตอนการก่อสร้างทุกประเภท (ก่อนเปิดใช้งานจริง) ไม่ว่าจะเป็นห้องที่สร้างใหม่ หรือ ห้องที่มีการปรับปรุง รีโนเวท ต่อเติม ดัดแปลง จากห้องเดิม
สาระสำคัญ หากมีการก่อสร้างเข้ามาเกี่ยวข้องเมื่อใดก็ตาม จนทำให้พื้นที่ โครงสร้าง และอุปกรณ์เปลี่ยนไปจากเดิม จำเป็นต้องมีการทดสอบใหม่ทุกครั้ง เพื่อคงมาตรฐานของห้อง Cleanroom สูงสุดตรงตามคลาสที่ระบุ
สาเหตุ เพราะขั้นตอนการก่อสร้าง ทำให้เกิดฝุ่น และการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เมื่อตัวแปลต้นมีการขยับ แน่นอน ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยเช่นกัน
สำหรับการทดสอบ Cleanroom หลังส่งมอบโครงการ เปรียบเสมือนเป็นการรีเช็กครั้งใหญ่ ก่อนเปิดใช้งานจริง 100% ห้องคลีนรูมที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ จำเป็นต้องผ่านการทดสอบทุกห้อง เพื่อให้ตรงตามสเปกที่ระบุไว้ก่อนการก่อสร้าง ปัจจุบันใช้มาตรฐานสากล ISO 14644-1 แบ่งค่าความสะอาด 9 ระดับ หรือ ISO Class 1-9 รายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่ !
ในส่วน “Cleanroom ทดสอบประจำปี” มีวัตถุประสงค์เพื่อคงประสิทธิภาพการทำงานของห้อง Cleanroom ให้ตรงตามสเปกและมาตรฐานของ NEBB ที่ระบุไว้สูงสุดอยู่เสมอ จึงมีความจำเป็นมาก ผู้ประกอบการห้ามละเลยในเรื่องนี้ !
การทดสอบ Cleanroom ประจำปี ควรทำต่อเนื่อง มีระยะห่างตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 1 ปี ตามที่ NEBB ได้ระบุไว้ (ระยะห่างของการทดสอบไม่ควรนานกว่านี้)
“Cleanroom ทดสอบประจำปี” แตกต่างจาก “ทดสอบหลังส่งมอบโครงการ” คือ การทดสอบเพื่อดูประสิทธิภาพการทำงาน, ตรวจเช็กสภาพอุปกรณ์, ค่าต่าง ๆ ฯลฯ ว่ามีการเสื่อมถอยตามระยะเวลาของการใช้งานหรือไม่ เพื่้อคงประสิทธิภาพตามที่ระบุไว้ในสเปก
การทดสอบ Cleanroom ในระดับสากล นิยมใช้มาตรฐาน ISO 14644-1 โดยองค์กรที่ได้รับความเชื่อมั่นให้เป็นผู้ทดสอบและรับรองมาตรฐาน เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก็คือ NEBB
NEBB คือ องค์กรเอกชนก่อตั้งขึ้นในสหรัฐอเมริกาในปี 1971 มีชื่อเต็มว่า National Environmental Balancing Burureau มีความเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบ และให้การรับรองสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมในอาคารในหลายด้าน สำหรับส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานห้องคลีนรูม คือ CPT - Cleanroom Performance Testing
วิธีการทดสอบ Cleanroom มีหลายหัวข้อที่จำเป็นต้องผ่านการตวรจสอบ ทั้งในส่วนการทดสอบหลัก และ ทดสอบย่อย เช่น
1. วัดค่าฝุ่น
2. วัดปริมาณลม
3. วัดความดันห้อง
4. วัดการรั่วไหลของแผ่นกรอง
5. วัดค่าอุณหภูมิ
6. วัดค่าความชื้น
7. วัดระดับเสียง
8. วัดค่าความสว่าง
9. วัดค่าอื่น ๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ
(หมายเหตุ - การทดสอบหลัก - Primary Test คือ การทดสอบภาคบังคับของห้อง Cleanroom หัวข้อ 1 - 4, ในส่วนของการทดสอบ หัวข้อรอง - Secondary Test ให้ความสนใจคุณภาพเพิ่มเติมในเรื่องต่าง ๆ เพื่่อให้เหมาะสมกับคลีนรูมในอุตสาหกรรมนั้น ๆ)
Cleanroom จำเป็นต้องได้รับการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และที่สำคัญต้องเป็นผู้ที่ผ่านการอบรบจากสถาบัน (องค์กร) ได้การยอมรับทั่วโลก เช่น NEBB เนื่องจากการทดสอบ Clearoom เป็นเรื่องเฉพาะทาง (Specification) ต้องมีทั้งความรู้ ความเข้าใจ ฝึกฝนต่อเนื่อง ผ่านการอบรมเป็นประจำทุกปี สามารถออกใบรับรองผลการทดสอบในระดับอุตสาหกรรม (Cleanroom Certification) ได้อีกด้วย
ข้อดีของห้อง Cleanroom ที่ผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มีมาตรฐานสูง การทำงานเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ ระดับคลาสความสะอาดตรงตามต้องการ ตอบโจทย์ธุรกิจลงตัว สร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า สินค้าผ่าน QC ไม่ตกไลน์การผลิต ไม่เกิดปัญหาที่มาจากฝุ่นและเรื่องของความสะอาด
Cleanroom ควรทดสอบใน 2 ช่วงสำคัญ คือ หลังส่งมอบโครงการ และ ทดสอบประจำปี เพื่อคงประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดตลอดเวลา ผู้ใช้ได้รับห้องคลีนรูมตรงตามสเปก “คลาส” ที่ต้องการ เหมาะสมต่อการใช้งานในทุกระดับ ดีต่อธุรกิจ - ช่วยให้สินค้าในไลน์การผลิตได้มาตรฐาน, ดีต่อวงการวิทยาศาสตร์และการแพทย์ - รักษาระดับความสะอาดปลอดภัยในการทำงานไว้เสมอ
“ Cleanroom ที่มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องได้รับการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญตลอดอายุการใช้งาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด”